ค้นหา

วันศุกร์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2553

18ข้อคิด เพื่อชีวิตคนทำงาน



1.จงพิจารณาความเป็นไปได้ที่ว่าการชอบทำงานเกินเวลาจนเป็นนิสัยของคุณนั้นแสดงถึงว่าคุณต้องการสำนักงานมากกว่าที่สำนักงานต้องการคุณ

2. อย่าทำงานเกินเวลาจนติดเป็นนิสัยเมื่อมันกลายเป็นนิสัยจะทำให้มันหมดคุณค่า

3. ปล่อยตัวตามสบายได้ แต่อย่าให้ถึงกับดูโทรมนัก

4. จงทำตัวให้ร่าเริง คอยช่วยเหลือและทำหน้าที่ให้ดีในการทำงานของคุณคุณจะพบว่าไม่มีใครมาแข่งขันกับคุณ

5. อย่าได้ไว้เนื้อเชื่อใจว่าความสามารถ ความมีเสน่ห์และจินตนาการจะนำพาคุณขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุดได้คุณควรจะมีผมสีเทาและพุงป่องกลางอีกหน่อยด้วย

6.อย่าได้เป็นกังวลในเรื่องการปล่อยเวลาให้เปล่าประโยชน์ในสำนักงานแต่เป็นกังวลกับการปล่อยให้ชีวิตของคุณ เปล่าประโยชน์จะดีกว่า

7. อย่าโทษคอมพิวเตอร์สำหรับความผิดพลาดที่คุณทำขึ้นเอง

8. ลองคิดถึงเวลาที่คุณไม่มีเงินเดือนดูบ้าง

9. จงถือว่าสุขภาพคือทรัพย์สมบัติประการแรก

10. อย่าได้ก้มหน้าก้มตาทำงานจนไม่เคยสังเกตเห็นนก ต้นไม้ ดอกไม้และปุยเมฆ

11. ในเวลาอาหารกลางวัน จงเลือกรับประทานอย่างฉลาดแต่ในบางครั้งจงรับประทานให้เต็มที่

12.เมื่อใดที่สำนักงานทำให้คุณรู้สึกเศร้าสร้อยจงนึกเสียว่านี่เป็นเกมกีฬาสำหรับคนที่ยังไม่เป็นผู้ใหญ่และอย่าได้นำมันกลับไปบ้านด้วย

13. จำไว้ว่ายังมีอะไรๆอีกมากในการทำงานและในชีวิตมากกว่าทำงานเพื่อให้มีชีวิตอยู่หรือมีชีวิตอยู่เพื่อจะทำงาน

14. อย่าทำเป็นคนตรงต่อเวลา ไปถึงก่อนเวลาจะดีกว่า

15.อย่าได้หลอกตัวเองว่าการมีสิ่งของรกอยู่บนโต๊ะหมายถึงการมีงานมากมันเพียงแต่หมายความว่าคุณยังไม่ได้ทำมันนั่นเอง

16.จัดเก็บโต็ะของคุณให้เรียบร้อยบุคคลส่วนใหญ่ที่ประสบความสำเร็จจะมีโต๊ะทำงานที่ว่างโล่ง

17.อย่าเป็นกังวลมากจนเกินไปว่าเพื่อนร่วมงานคิดอย่างไรกับคุณเพราะส่วนใหญ่ในชีวิตของพวกเขาไม่ได้คิดถึงคุณเลย

18. จงร่ำรวยเงินสด
ที่มา : Ern Jar
เจ้าของบทความ : ไม่ทราบชื่อ

รู้ทัน ‘คนไร้ค่า’ (Dead Wood)

รู้ทัน ‘คนไร้ค่า’ (Dead Wood)

ดร.โสภณ พรโชคชัย (sopon@thaiappraisal.org)

ใน สังคมไทยทุกวันนี้ มีคนที่ดูดี เป็นผู้ดี มีธรรมะชูคออยู่มากหลาย คนเหล่านี้โดยมากจะพูดจารื่นหู ดูมีศาสนา แต่นั่นเป็นแค่เปลือกนอก ความจริงหลายคนเป็น ‘คนไร้ค่า’ เป็นยิ่งกว่า ‘ไม้แก่ดัดยาก’ คือมีสถานะคล้าย ‘แตงเถาตาย’ หรือฝรั่งเรียกว่า Dead Wood (ไม้ที่ถูกตัดจากตอแล้ว) ไม่อาจเติบโตได้อีก ได้แต่รอวันเน่าเปื่อยไปมากกว่า
.
บุคคลไร้ค่าเหล่านี้ไม่ได้มีส่วน ช่วยพัฒนาชาติ และอาจกีดขวางความเจริญ รวมทั้งยังอาจ ‘กลายพันธุ์’ ถึงขั้นทำลายชาติหากเพิ่มความเลวเข้าไปด้วย บทความนี้จึงมุ่งชี้ให้เห็นถึงวิธีสังเกตว่า ‘คนไร้ค่า’ และคนชั่วนั้นเป็นเยี่ยงไร เพื่อว่าเราจะได้รู้ทัน ไม่ตกเป็นเครื่องมือของคนเหล่านี้ และไม่กลายเป็นคนเหล่านี้เสียเอง
.
.
ลักษณะ 8 ของคนไร้ค่า
.
บุคคลผู้เป็น ‘คนไร้ค่า’ มักมีลักษณะสำคัญครบถ้วนทั้ง 8 ประการดังต่อไปนี้:
.
1. ชมชอบชอบเสพสุข (Hedonist) ในรูปแบบต่าง ๆ ในฐานะผู้ได้เปรียบในสังคม เช่น ไปเที่ยวโสเภณี (ราคาแพง) ชอบกีฬาแฟชั่นทั้งหลาย เป็นพวก ‘นิยมวัตถุ’ ซึ่งต่างจาก ‘วัตถุนิยม’ (materialism) ที่เป็นหลักปรัชญาที่ตรงข้ามกับ ‘จิตนิยม’ (idealism) จะสังเกตได้ว่าพวกนี้รักสุขภาพสุดชีวิต กะจะมีชีวิตอยู่อย่างยาวนาน แต่น่าเสียดายที่เป็นได้แค่ ‘แก่เพราะกินข้าว เฒ่าเพราะอยู่นาน’ เพราะนอกจากเสพสุขแล้ว ก็แทบไม่ได้สร้างสรรค์อะไรเพื่อคนอื่น
.
2. ไม่ใฝ่ใจศึกษา: พวกเขามักเป็นคนที่ขี้เกียจเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ บ้างก็ทำตัวเป็น ‘ชาล้นแก้ว’ บางคนอาจทำการศึกษาแต่ใช้วิธีการ ‘ยืมจมูกคนอื่นหายใจ’ ไม่ลงมือปฏิบัติเอง หรือเข้ารับการศึกษาโดยไม่ใช่เพื่อหาความรู้แต่เพื่อเข้าคลุกวงใน (networking) มากกว่า คนเหล่านี้มักเป็นพวก ‘แก่เพราะกินข้าว เฒ่าเพราะอยู่นาน’ ไม่ทันความรู้ใหม่ ๆ ยกเว้นการจำคำพูดคนอื่นมาคุยโตไปวัน ๆ
.
3. ต่อต้านการเปลี่ยนแปลง: เมื่อไม่รู้จริง ก็มักเกลียด กลัวและต่อต้านการเปลี่ยนแปลงที่เป็นคุณต่อส่วนรวมแต่กระทบในทางลบต่อตนเอง กลัวตนเองจะหมดบทบาทในสังคมก้าวหน้า คนเหล่านี้มักเป็นผู้มีสถานะดีในสังคมหรือมีอาชีพน่ายกย่อง เช่น อาจารย์ แพทย์ หรือนักวิชาชีพชั้นสูงอื่น แต่ทั้งนี้ถือเป็นเรื่องเฉพาะบุคคลไม่ได้เหมารวมยกเข่งทั้งวงการ ‘คนไร้ค่า’ เหล่านี้แม้อยู่ในวงการศึกษาหรือวงวิทยาการชั้นสูง ก็ไม่ค่อยเปิดรับสิ่งใหม่ ถือตนว่ามีใบปริญญาบัตรแต่แท้จริงไม่ใช่ปัญญาชน เราจึงเห็นนักวิทยาศาสตร์ (ที่ทำงานแบบกลไกไปวัน ๆ ) ผู้กลับงมงายในไสยศาสตร์
.
4. ชอบทำดีเอาหน้า: ทั้งนี้เพื่อสร้างภาพหรือเพื่อลวงให้คนอื่นเข้าใจว่าตนเป็นคนดี จึงเป็นการทำดีแบบ ‘ลูบหน้าปะจมูก’ ‘ผักชีโรยหน้า’ หรือ ‘ไฟไหม้ฟาง’ คล้ายกับพวกคุณหญิงคุณนายที่เที่ยวแจกของเพื่อให้ตัวได้รับเกียรติยศ แต่สังคมก็แทบไม่เคยดีขึ้นเพราะความดีฉาบฉวยดังกล่าว หากสังเกตให้ดี คนเหล่านี้บางคนไปร่วมกิจกรรมทำดีโดยไม่ออกเงินตัวเองสักบาท หรือออกเงินแต่น้อย (แต่ออกข่าวใหญ่โต) หรือใช้สถานะของตนเองไป ‘ไถ’ เงินผู้อื่นมาทำดี อาจกล่าวได้ว่า ในความเป็นจริง คนเหล่านี้เป็นคนขี้เหนียว ไม่ใช่คนใจกว้างจริงแต่อย่างใด
.
5. มีความเป็นเจ้าขุนมูลนายสูง: ทั้งนี้คล้ายกับที่มักปรากฏในภาพยนตร์น้ำเน่าประเภท ‘ผู้ดีตีนแดง ตะแคงตีนเดิน’ หรือ ‘หนังจักร์ ๆ วงศ์ ๆ’ บุคคลที่ชอบทำตัวเป็นเจ้าขุนมูลนายเช่นนี้ มักทำไปเพื่อลบปมด้อยของการเป็นคนระดับล่างในอดีต หรือหวังยกระดับตนเองให้มีฐานะดูเหนือผู้อื่น หรือเป็นพวกจมไม่ลง คนเหล่านี้มีความชมชอบที่จะให้คนอื่นยกย่อง เอาใจ และมักเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง (self-centredness) ซึ่งแสดงว่าคนเหล่านี้ไม่คิดถึงใครอื่นอีกเลย
.
6. สยบยอมต่อผู้มีอำนาจ: ในขณะที่ตัวเองมีความเป็นเจ้าขุนมูลนายสูงมาก แต่ในอีกด้านหนึ่งก็มักเป็นคนสยบยอมกับผู้มีอำนาจเหนือกว่าโดยดุษฎี การนี้แสดงว่าคนเหล่านี้ยินดี ‘เลีย’ หรือทำงานด้วยลิ้น เพื่อหวังให้ตนเองได้ก้าวหน้าในธุรกิจหรือการงาน และหากจำเป็นจริง ๆ คนเหล่านี้ไม่ว่าเพศใด ก็อาจยินดีเอาตัวเข้าแลกเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของตน คือนอกจาก ‘พายเรือให้โจรนั่ง’ แล้ว ยังยอมให้ ‘โจรพายเรือให้ตนนั่ง’ (ประสบความสำเร็จโดย ‘โจร’ สนับสนุน) เสียอีก ลองสังเกตในวงการรอบตัวเราให้ดีว่าเราพบตัวอย่างเช่นนี้อยู่บ้างหรือไม่
.
7. เฉยชากับความไม่เป็นธรรมโดยถือคติว่า ‘ธุระไม่ใช่’ หรือไพล่ไปโทษบาปกรรมแต่ชาติปางก่อน พวกเขาไม่ใช่คนประเภท ‘ตัวสั่นทุกครั้ง (ทนไม่ได้) ที่เห็นความอยุติธรรม’ แต่อย่างใด พวกเขายินดีวาง ‘อุเบกขา’ โดยถือคติ ‘วัวเขาจะหาม อย่าเอาคานเข้าไปสอด’ ‘พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง’ หรือ ‘เอาหูไปนา เอาตาไปไร่’ กับเรื่องอะไรก็ตามที่แม้จะเสื่อมเสียศีลธรรมหรือผิดกฎหมายก็ตาม ตราบเท่าที่ไม่ใช่เรื่องที่ทำให้ตัวเองเสียผลประโยชน์
.
8. ชอบห่อหุ้มด้วยศาสนา: ทั้งนี้เพื่อใช้ศาสนาเป็นอาภรณ์หรือเครื่องมือโฆษณาให้ตนดูดี และเพื่อบำบัดความอ่อนแอทางจิตซึ่งอาจเป็นผลจากการทำบาป (อยู่เนือง ๆ) คนเหล่านี้เปลือกนอกดูสงบงาม พล่ามจริยธรรม ชอบชวนคนเข้าวัด แต่แท้จริงสุดรุ่มร้อน ลักษณะเด่นของคนเหล่านี้ก็คือ ‘เสพติด’ การนั่งสมาธิ (แต่อย่าเข้าใจผิดว่าคนดีที่นั่งสมาธิเป็นคนเช่นนี้ไปด้วย) คือแทนที่นั่งแล้วจะเกิดความสงบ กลับยิ่งทำให้เห็นนิมิตต่าง ๆ และยิ่งเป็นการแบ่งชนชั้นมากขึ้นเพราะไปอ้างอิงถึงการสั่งสมบุญเก่าแต่ อดีตชาติเพื่อข่มคนอื่น คนเหล่านี้มักไม่เอาแก่นศาสนา แต่มักเพี้ยนไปเน้นกระพี้ เช่น เรื่องพิธีกรรม ชาดก ไสยศาสตร์ ชาติก่อน-ชาติหน้า หรือเครื่องรางของขลัง เป็นต้น
.
.รู้ทัน ‘คนไร้ค่า’
.
ใน แง่ของพลังสร้างสรรค์ ใฝ่เรียนรู้ ใจกล้าหาญ คิดก้าวหน้า ออกแรงปฏิบัติหรือออกเงินหนุนนั้น พวก ‘คนไร้ค่า’ ยังอาจมีสิ่งเหล่านี้น้อยกว่า ‘ยัยแจ๋ว’ ‘สาวฉันทนา’ ยามหน้าหมู่บ้าน หรือคนขับสามล้อ พวกเขามักกลัวการสูญเสีย เข้าทำนอง ‘ตะปูตำเท้าตัวเดียว ก็ลืมโลกไปทั้งโลก’ (มัวแต่ร้องโอดโอยสงสารตัวเอง) การดำรงอยู่ของ ‘คนไร้ค่า’ เหล่านี้จึงไม่ใช่ ‘อยู่อย่างยิ่งใหญ่ ตายอย่างมีเกียรติ’ แต่เป็นพวก ‘อยู่อย่างเหลวไหล ตายอย่างไร้ค่า’ เสียมากกว่า
.
ประวัติ ศาสตร์ได้ชี้ให้เห็นชัดเจนว่า ‘คนไร้ค่า’ เหล่านี้ไม่ได้รักชาติจริง หรือรักชาติแต่ปากหรือรักตามแฟชั่นหรือตามคนอื่น ถ้าถึงคราวสิ้นชาติ เช่น ลาว เขมร และเวียดนามในยุคสงครามอินโดจีน พวกนี้แหละที่จะหนีไปก่อน เพราะพวกเขาเห็นว่าชีวิตของตนมีค่ามากกว่าจะเอามาทิ้งไว้ในแผ่นดินเกิด และคนที่จะยังอยู่สร้างชาติให้พวกนี้กลับมาตุภูมิ มาทำธุรกิจอีกครั้งหนึ่งก็คือสามัญชนคนธรรมดานั่นเอง
.
อย่างไรก็ตาม ‘คนไร้ค่า’ เหล่านี้ มีอาการที่ตรงกันอย่างหนึ่งก็คือ มักจะ ‘อับอายจนกลายเป็นโทสะ’ หรือ ‘โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ’ อยู่เสมอ หากมีใครสามารถ ‘จับได้ไล่ทัน’ หากสังเกตให้ดี พวกนี้ชมชอบที่จะใช้กลยุทธ์ ‘พวกมากลากไป’ มีพิธีกรรม มีศัพท์แสงหรือวาทกรรมเฉพาะที่ดูดี ใครไม่เข้าสังคมในกลุ่มเช่นตน มักจะถูก ‘โดดเดี่ยว’
..
กลายร่างเป็น ‘คนชั่ว’
.
เมื่อ พิจารณาถึงโอกาสและแนวโน้มแล้ว บุคคลข้างต้นอาจมีพัฒนาการขั้นสุดท้ายจนกลายเป็นคนชั่วที่สร้างความเสื่อม เสียต่อตนเองและคนอื่น หากเป็นผู้มีอำนาจทางการเมืองก็อาจทรยศและสร้างความวิบัติต่อประชาชน ทั้งนี้ ‘คนไร้ค่า’ ข้างต้นจะต้องมีลักษณะอีกข้อหนึ่งคือ ‘ร่วมขบวนการโกงกิน’
.
โดยในกรณีบุคคลในภาคราชการ มีตัวอย่างเช่น พวกที่ ‘ซื้อตำแหน่ง’ คนเหล่านี้มักฝ่าฟันสู่ตำแหน่งด้วยความชั่วร้าย เช่น ‘ฆ่าน้อง ฟ้องนาย ขายเพื่อน’ จึงมักไม่ละอายที่จะกอบโกยโดยไม่สมควร โกงประเทศชาติและประชาชน จะสังเกตได้ว่าในหน่วยราชการที่ไม่ค่อยมีผลประโยชน์ ลูกน้องไม่ต้องเอาใจนายมากนัก อย่างมากก็ถือคติ ‘รับใช้นายจนพอแรง’ แต่ทำไมในส่วนราชการบางแห่ง ลูกน้องจึงต้อง ‘เลีย’ นายแบบ ‘เลี้ยงดูปูเสื่อ’ สุดชีวิต หากไม่ใช่เพราะหวังจะได้ผลประโยชน์มหาศาลที่ยินดีแลกด้วยการลดศักดิ์ความ เป็นมนุษย์ของตนเองลง
.
ส่วนบุคคลในภาคเอกชนก็ได้แก่พวกที่อาศัยทำการ ค้าเอาเปรียบคนอื่น โดยได้รับสัมปทานด้วยการใช้เส้นสนกลในและการจ่ายใต้โต๊ะ บุคคลในภาพยนตร์เช่น ‘อาเหลียง’ นั้น ไม่ใช่รวยล้นฟ้าเพราะการอดออมเป็นสำคัญ แต่เพราะสามารถได้ใบอนุญาตทำธุรกิจกึ่งผูกขาด และอาศัยเส้นสายทางการเมืองชิงความได้เปรียบ เหยียบหัวคู่แข่งอื่นอย่างไม่เป็นธรรมต่างหาก
.
อาจกล่าวได้ว่าคหบดี ที่รวยปกตินั้น ต่างมาจากน้ำพักน้ำแรงของตนเองเป็นสำคัญ แต่บุคคลผู้ร่ำรวยผิดปกตินั้น ต้องตั้งสมมติฐานไว้ก่อนว่าไปโกงเขามา ถ้าสืบประวัติดูแล้วบุคคลที่ร่ำรวยผิดปกตินั้นไม่ได้โกงมา ก็พึงตั้งสมมติฐานไว้ก่อนว่า พ่อเขาคงโกงมา หรือถ้าพ่อเขาไม่.โกงมา ก็คงเป็นปู่เขา (บุคคลรุ่น ‘อาเหลียง’ โกงมา) ‘เก่งบวกเฮง’ ไม่อาจส่งให้ใครรวยล้นฟ้าแต่อย่างใด
.
คนชั่วในภาครัฐและภาคเอกชนเหล่านี้แหละที่จะมารวมกันสร้างกลไกครอบงำประเทศ ทำให้ประเทศชาติเป็นที่ตักตวงผลประโยชน์ส่วนตัวในที่สุด
..
ส่งท้าย: ช่วยกันสังเกตหน่อย
.
คน ที่ยังมีความหวังที่จะเป็นทรัพยากรของชาติ หรือเป็นผู้นำพาการเปลี่ยนแปลง (Change Agent) นอกจากจะต้องพยายามขัดเกลาตัวเองให้มีคุณสมบัติที่ดีต่อไปแล้ว ยังพึงระวัง ‘คนไร้ค่า’ และ ‘คนชั่ว’ ในคราบคนดีเหล่านี้ที่อาจเขามากีดขวางหรือทำลายความเจริญของประเทศชาติ สิ่งที่พึงทำได้ก็คือ
.
1. คนหนุ่มสาว ต้องพิจารณาคนวัยกลางคนที่มีความเสี่ยงเป็น ‘Dead Wood’ เช่นนี้
.
2. นักศึกษา ต้องจับตาดูอาการของอาจารย์บางคนที่อาจมีลักษณะเพี้ยนเช่นกัน
.
3. ‘ยัยแจ๋ว’ ‘ยัยเอี้ยง’ ‘ยัยเอื้อง’ ต้องพิจารณาคุณผู้ชาย คุณผู้หญิงของตนเองไว้ให้ดี
.
4. ลูกน้องก็พึงสังเกต ‘เจ้านาย’ ให้ดีว่าได้กลายร่างเป็นคนเช่นนี้หรือยัง
.
5. ‘สามล้อ’ หรือ ‘แท็กซี่’ ต้องคอยดูและช่วยกันจับตาดูบุคคลประเภทนี้ในสังคม เป็นต้น
.
.
ช่วย กันรู้ทันและช่วยกันเปิดโปง และช่วยกันระวังไม่ให้ตนเองถลำลึกไปเป็น ‘คนไร้ค่า’ เช่นนี้ อย่าลืมว่าเกิดมาต้องสร้างสรรค์ ต้องทำดีเพื่อชาติ ไม่ใช่เป็นสวะลอยน้ำไปวัน ๆ
ที่มา : admin
เจ้าของบทความ : ดร.โสภณ พรโชคชัย (sopon@thaiappraisal.org)

ห้องเพลง สุนารี ราชสีมา



จะทะยอยลงให้นะครับ จะลงเฉพาะบางเพลง ไม่ลงทั้งอัลบั้มนะครับ สนันสนุนของแท้นะครับ และขอขอบคุณเจ้าของเครดิตด้วยครับ


03. กราบเท้าย่าโม - สุนารี ราชสีมา.mp3 เครดิตโดย: jirojin (at) gmail.com


สุนารี ราชสีมา - ฉันเปล่านาเขามาเอง ดวงจันทร์...กลางดวงใจ.mp3 เครดิตโดย: siamzaboy


สุนารี ราชสีมา - มอเตอร์ไซค์นุ่งสั้น.mp3 เครดิตโดย: kusasa2009


สุนารี ราชสีมา - มอเตอร์ไซค์นุ่งสั้น.mp3 เครดิตโดย: kusasa2009



สุนารี ราชสีมา - ที่รักเรารักกันไม่ได้.mp3 เครดิตโดย: kusasa2009


น้ำตาน้องเพ็ญ - สุนารี ราชสีมา.wma เครดิตโดย: PALORMAN



สุนารี ราชสีมา - อุ้มท้องร้องไห้.mp3 เครดิตโดยโดย: kruwai.com

ห้องเพลง โกไข่กับนายสน




จะทะยอยลงให้เรื่อยๆ จะลงเฉพาะบางเพลง ไม่ลงทั้งอัลบั้มครับ อย่าลืมสนับสนุน ของแท้ด้วยครับ และขอบคุณเจ้าของเครดิตด้วยครับ


โกไข่กับนายสน - เรื่องของคนปนกับหมา.mp3 เครดิตโดย: ตัวเล็กเด็กคอน


โกไข่กับนายสน - คนขาดหุ้น.MP3 เครดิตโดย: romio-pat


โกไข่กับนายสน - จากโต๊ะข้างด้วยความหวังดี.mp3 เครดิตโดย: UnAvaLable



โกไข่กับนายสน - ความคิดถึงกำลังเดินทาง.mp3 เครดิตโดย: headdi

ห้องเพลง ตั๊กแตน ชลดา

จะทะยอยลงให้เรื่อยๆ จะลงเฉพาะบางเพลง ไม่ลงทั้งอัลบั้มครับ อย่าลืมสนับสนุน ของแท้ด้วยครับ และขอบคุณเจ้าของเครดิตด้วยครับ


ตั๊กแตน ชลดา 18 - อยากเป็นคนรัก ไม่อยากเป็นชู้.mp3

ตั๊กแตน ชลดา - คนเหงาที่เข้าใจเธอ.mp3 เครดิต โดย: note

ตั๊กแตน ชลดา - อย่าโทรมาแค่ปลอบใจ.mp3 เครดิต โดย: Love Bowkung.


ตั๊กแตน ชลดา - มีคนเหงารออยู่เบอร์นี้.mp3 เครดิต โดย: kittipong_in



ตั๊กแตน ชลดา - แฟนเก็บ.mp3 เครดิต โดย: Aun


ตั๊กแตน ชลดา - เจ็บนี้ไม่มีวันจาง.mp3 เครดิต โดย: Aun

วันพฤหัสบดีที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2553

ชีวิตคนกับเพลง ------- คืนใจให้กัน ตั๊กแตน ชลดา

เพลง คืนใจให้กัน
นักร้อง ตั๊กแตน ชลดา


ตักแตน-คืนใจให้กัน.mp3

ตั้งแต่ผมจัดรายการมา เจอทั้งคู่รักหลายต่อหลายคู่ ที่มอบเพลงให้กัน และก็เจอคู่ร้างหลายต่อหลายคู่
ที่ฝากเพลงให้กัน มีอยู่คู่หนึ่งครับ คู่นี้ เป็นแฟนรายการผมมาหลายปี ผมไปจัดที่ไหนๆ เขาก็จะหมุนคลื่นตามไปฟังตลอด ตลอดรายการของผมที่จัด และรายการของดีเจคนอื่นๆด้วย จะว่าไปก็ทั้งวันทั้งคืนเลยละ จะได้ยินเสียงของสองคนนี้โทรขอเพลงหน้าไมค์ และได้ยินชื่อของเขาทั้งคู่ขอเพลงหลังไมค์ตลอด เรียกได้ว่าเป็นแฟนเพลงแฟนรายการตัวจริงเลย

จนฝ่ายชายโทรมามอบเพลงให้ฝ่ายหญิงก่อน เพื่อเป็นกำลังใจให้ เพราะตอนนั้น ฝ่ายหญิงเขาไม่สบาย และเขาทั้งคู่ก็ฝากเพลงให้กันตลอดมา จนกลายเป็นแฟนกันตั้งแต่เมื่อไหร่ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ทุกครั้งที่ได้ยินทั้งสองคนมอบเพลงให้กัน ผมจะมีความสุขมากเลย คนฟังหลายๆคนที่ฟังอยู่ก็คงมีความสุขเช่นกัน

เมื่อวันนี้เอง ( 28 มค 53 ) น้องผู้หญิงโทรเข้ามา มอบผลงานเพลงให้คนรัก หลังจากที่ทั้งคู่เงียบหายไป ได้ประมาณเกือบๆเดือน แต่เพลงที่มอบให้ในครั้งนี้ มันไม่ใช่เพลงรักครับ มันคือเพลง คืนใจให้กัน ของตั๊กแตน ชลดา สร้างความแปลกใจให้ผมอีกละ ( ชอบเรื่องชาวบ้านอะครับ อิอิ ) ผมถามว่าทำไมถึงมอบเพลงนี้ น้องเขาก็ขอโทรหาหลังผมจัดรายการเสร็จ ( 1 ทุ่ม )

ช่วงที่ผมเปิดเพลงที่น้องผู้หญิงเขาขอมาจบ ฝ่ายชายเขาฟังอยู่ก็โทรเข้ามาช่วงหน้าไมค์ มอบเพลงนี้กลับคืนให้เช่นกัน พร้อมกับคำพูดที่ว่า ขอคืนหัวใจให้กันและกัน ถึงแม้ว่าจะคืนหัวใจให้ไปแล้ว แต่ว่าความผูกพันธิ์ก็ยังคงอยู่ อย่างน้อย หัวใจดวงนั้น ก็เคยอยู่กับเขามา หัวใจ ต้องอยู่กับเจ้าของๆมัน แต่ความรู้สึกที่ดีๆก็ยังคงอยู่เหมือนเดิม

หลังหนึ่งทุ่ม น้องผู้หญิงเขาโทรมาบอกว่า ได้คุยกับแฟนแล้ว ตกลงเลิกกันแล้ว เหตุผลที่ว่า มันไปด้วยกันไม่ได้ ความคิด ความเห็นเริ่มไม่ตรงกัน ไม่เหมือนตอนที่โทรมอบเพลงให้กัน ช่วงนั้นมันมีความสุขมาก พอเป็นแฟนกันจริงๆ มันไม่ได้เป็นอย่างที่คิดไว้เลย ไม่ใช่ว่าฝ่ายชายเขาเป็นคนไม่ดี หรือว่าเจ้าชู้อะไร เพียงแต่ว่า เมื่อคบกันไปนานๆ ก็เริ่มมีความเป็นตัวตนของตัวเองออกมา ต่างคนต่างชอบในสิ่งที่ไม่เหมือนกัน เริ่มที่จะมีการขัดใจกันบ้าง มันก็เลยรู้สึกว่า เราเหมือนไม่ใช่แฟนกัน เริ่มห่างกันมากขึ้น จนสุดท้าย ก็ต้องจบลงด้วยการแยกทาง แต่ไม่รู้สึกเจ็บเลย เฉยๆ อาจเป็นเพราะ เราจากกันด้วยดี ก็ได้.......

.
.
.
บนเส้นทางความรักที่ต้องเดินร่วมทางกันไป แน่นอน ระหว่างทางมันอาจจะมีอะไรที่เข้ามา ทำให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเผลอใจ หรืออาจจะ พลัดหลง ออกนอกทางไปบ้าง ซึ่งมันก็อาจจะเป็นเรื่องปกติ ของเส้นทางเดินที่ต้องใช้เวลาในการเดินทางมายาวนาน และเมื่อเราเดินทางมาถึงทางแยก มันมีทางซ้ายและทางขวา ความคิดเห็นก็เริ่มที่จะไม่ตรงกัน บางคนอยากไปทางซ้าย บางคนอยากไปทางขวา เพราะคิดว่า ทางที่ตนเองเลือก เป็นทางที่ดี และเหมาะสมกับตัวเองที่สุดแล้ว คนเราย่อมหาสิ่งที่ดีๆให้ตัวเองเสมอ หากเราจะฝืนใจ ร่วมเดินทางไปในทางที่เราไม่ชอบ และไม่ต้องการ มันย่อมมีความอึดอัด และขัดใจตัวเอง มันก็ไม่มีความสุขอยู่ดี สุดท้ายก็ต้องทางใครทางมันอยู่ดี เพราะฉนั้น ในเมื่อเราเดินทางมาถึงทางแยกที่ต้องเลือก ถามใจตัวเองให้ดีๆ ตัดสินใจให้ดี ถ้าเราแยกทางกันไป วันใด อยากจะกลับมาร่วมทางอีก เขาอาจจะเดินไปไกลแล้วก็ได้นะครับ.... แต่ในเมื่อตัดสินใจแยกทางกันแล้ว ก็อย่าลืม คืนหัวใจให้กันและกันด้วยนะครับ เพราะอีกฝ่ายคงอยู่ไม่ได้ ถ้าไม่มีหัวใจ และเราก็คงอยู่ไม่ได้เช่นกัน ถ้าไม่มีหัวใจ เพราะหัวใจมันทำให้เรามีชีวิตอยู่ต่อไปได้ ถึงแม้ว่า หัวใจมันจะบาดเจ็บไปบ้าง แต่มันก็สามารถรักษาได้ครับ.
.
.
.DJ ภาคิน

ไม่โหลดแต่อยากฟัง ก็ฟังเลยครับ

วันพุธที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2553

ความจริงเกี่ยวกับความรัก

1. การรักและไม่ได้รับรักตอบ เป็นทุกข์ แต่สิ่งที่ทุกข์ยิ่งกว่า คือ การรักใครสักคน แต่ไม่มีความกล้าพอที่จะบอกให้คนคนนั้นรู้ และต้องมาเสียใจภายหลัง

2. พระเจ้าอาจจะต้องการให้เราพบคนที่ไม่ใช่..ก่อนที่จะมาพบคนที่ใช่ เพื่อเวลาเราพบคนคนนั้นแล้ว เราจะได้รู้สึกซาบซึ้งถึงพรที่ทานประทานมา

3. ความรักคือความรู้สึกที่คุณยังห่วงใยใครสักคนอยู่ แม้จะแยกความรู้สึก ความลุ่มหลง และความสัมพันธ์แบบรักใคร่ออกไปแล้ว

4. สิ่งที่น่าเศร้าในชีวิต คือการพบคนที่มีความหมายอย่างมากสำหรับเรา แต่มาค้นพบภายหลังว่าเราไม่ได้ถูกกำหนดมาเพื่อสิ่งนั้น และจะต้องปล่อยให้ผ่านพ้นไป

5. เมื่อประตูแห่งความสุขปิดลง ประตูแห่งความสุขบานอื่นก็จะเปิดขึ้น แต่เราก็มัวแต่มองประตูที่ปิดลงไปแล้วเนิ่นนานจนกระทั่งเรามองไม่เห็นประตูที่ เปิดไว้รอเรา

6.เพื่อนที่ดีที่สุดคือคนที่คุณสามารถนั่งอยู่ริมระเบียงด้วยกันโดยไม่พูดอะไร กันสักคำ แต่สามารถเดินจากไปด้วยความรู้สึกเหมือนได้คุยกันอย่างประทับใจที่สุด

7.เป็นความจริงที่เราไม่สามารถรู้เลยว่าเรามีอะไรอยู่จนกว่าเราจะสูญเสียมันไป แต่ก็จริงอีกเช่นกันที่เราไม่รู้ว่าเราพลาดอะไรไปบ้างจนกระทั่งสิ่งนั้นเข้ามาหาเรา

8. การมอบความรักทั้งหมดให้ใครสักคนไม่ได้เป็นหลักประกันว่าเขาจะรักเราตอบ อย่าหวังที่จะได้รักตอบ แต่จงรอให้มันงอกงามขึ้นในหัวใจเขา แต่ถ้ามันไม่ได้เป็นเช่นนั้น ก็ให้พอใจว่าอย่างน้อยมันก็ได้งอกงามขึ้นในใจของเรา

9. มีสิ่งที่คุณต้องการจะได้ยิน แต่คุณจะไม่ได้ยินมันจากปากของคนที่คุณอยากได้ยิน แต่อย่าทำตัวเป็นคนหูหนวกโดยไม่รับฟังสิ่งนั้นจากคนที่เขาบอกกับคุณจากหัวใจ

10. อย่าบอกลา ถ้าคุณยังต้องการจะพยายามต่อไป อย่าท้อใจถ้าคุณยังรู้สึกว่าคุณไปไหว อย่าพูดว่าคุณไม่รักคนคนนั้นอีกแล้ว ถ้าคุณไม่สามารถทำใจได้

11. ความรักมักมาเยือนผู้ที่ยังคง หวัง ถึงแม้ว่าจะผิดหวัง และมาเยือนผู้ที่ยังคงเชื่อ ถึงแม้ว่าจะถูกทรยศหักหลัง และจะมาเยือนผู้ที่ยังคงรัก ถึงแม้จะเคยเจ็บปวดมาก่อน

12. การที่เราจะประทับใจใครนั้นใช้เวลาแค่เพียงนาที การที่เราจะชอบใครใช้เวลาเพียงแค่ชั่วโมง การที่เราจะรักใครใช้เวลาเพียงชั่ววัน แต่การที่จะลืมใครนั้นต้องใช้เวลาชั่วชีวิต

13. อย่ามองใครจากหน้าตา เพราะมันอาจหลอกเราได้ อย่ามองใครจากความร่ำรวย เพราะมันไม่จีรังยั่งยืน ให้มองหาคนที่ทำให้คุณยิ้มได้ เพราะเพียงยิ้มเดียว สามารถทำให้วันที่หม่นหมองกลับสดใส ขอให้คุณพบคนที่ทำให้คุณยิ้มได้

14.มีช่วงเวลาในชีวิตที่คุณคิดถึงใครสักคนจนกระทั่งอยากดึงเขามาจากความฝัน เพื่อกอดเอาไว้ขอให้คุณได้ฝันถึงคนพิเศษนั้น

15. ฝัน ถึงสิ่งที่คุณต้องการฝัน ไปในที่ที่คุณต้องการไป เป็นในสิ่งที่คุณต้องการเป็น เพราะคุณมีเพียงชีวิตเดียว และมีโอกาสเดียวที่จะทำทุกสิ่งที่คุณต้องการ

16. ขอให้คุณมีความสุขมากพอที่จะทำให้คุณเป็นคนอ่อนหวาน ผ่านการทดสอบมามากพอที่จะทำให้คุณเข้มแข็ง มีความเศร้าโศกพอที่จะทำให้คุณยังคงความเป็นมนุษย์ และมีความหวังมากพอที่จะทำให้คุณเป็นสุข

17. เอาใจเขามาใส่ใจเรา ถ้าคุณรู้สึกว่าสิ่งนั้นจะทำให้คุณเจ็บปวด รู้ไว้เถอะว่าคนอื่นก็เจ็บปวดจากสิ่งเดียวกันเช่นกัน

18. คำพูดที่ไม่ได้ยั้งคิดอาจก่อให้เกิดความขัดแย้ง คำพูดที่โหดร้ายอาจทำลายชีวิต คำพูดที่เหมาะกาละเทศะอาจลดความเครียด คำรักอาจเยียวยาและทำให้มีสุขได้

19. จุดเริ่มของความรักคือการปล่อยให้คนที่เรารักเป็นตัวของตัวเอง อย่าดึงเขาจากภาพความเป็นเขา มิฉะนั้นจะหมายความว่าเราเราเพียงภาพสะท้อนของตัวเราที่ปรากฎในพวกเขา

20. คนที่มีความสุขที่สุด ไม่ได้หมายความว่าเขามีสิ่งที่ดีที่สุด เพียงแต่เขาสามารถทำสิ่งที่เขามีให้ดีที่สุดได้ต่างหาก

21. ความสุขรออยู่เบื้องหน้าผู้ที่มีน้ำตา ผู้ที่เจ็บปวด ผู้ที่ค้นหา และผู้ที่พยายามแล้ว เพราะมีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่รู้จักคุณค่าของผู้คนที่ได้สัมผัสชีวิตพวกเขา

22. ความรักเริ่มต้นด้วยรอยยิ้ม งอกงามด้วยรอยจูบ และจบลงด้วยคราบน้ำตา

23. อนาคตที่สดใสมีรากฐานอยู่บนอดีตที่ถูกลืม คุณไม่สามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้ดีถ้าหากไม่รู้จักปล่อยวางความผิดพลาดในอดีต และความปวดใจ

24. คุณร้องไห้ตอนคุณเกิดในขณะที่คนรอบข้างกำลังยิ้ม จงมีชีวิตอยู่เพื่อเมื่อตอนคุณตาย คุณจะเป็นคนที่ยิ้ม ในขณะที่คนรอบข้างร้องไห้ให้คุณ

ที่มา : *_* NONGSAWNUY *_* เจ้าของบทความ : ไม่ทราบชื่อ

ชีวิตคนกับเพลง ----- คืนนี้เหงาเท่ากันไหม โกไข่กับนายสน

เพลง คืนนี้เหงาเท่ากันไหม
นักร้อง โกไข่กับนายสน

โกไข่กับนายสน - คืนนี้เหงาเท่ากันไหม.mp3

จะว่าไปแล้ว เพลงนี้ก็เปรียบเสมือนกับสะพานข้ามแม่น้ำโขงเลยทีเดียว
ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น ??
มันเริ่มต้นจากการที่เราคิดถึงคนรัก ที่อยู่ไกลเหลือเกิน ไกลเกินกว่าที่จะเอื้อมมือไปถึง แต่รู้มั้ยครับ
ความรัก ความห่วงใย ส่งถึงกันได้เสมอ เราอยู่ทางนี้ แน่นอนครับ เรารู้ว่าในแต่ละวัน มันมีความสุข
มันมีความทุกข์ความเหงา หรืออะไรบ้างที่เข้ามาในชีวิตของเรา แต่คนที่อยู่ทางโน้นนนนนนน......
ไกลจนถึง ปากเซ ประเทศลาว ถึงจะเป็นประเทศเพื่อนบ้าน แต่มันก็ไกลนะ คนทางโน้นจะเป็นอย่างไรบ้าง
ความสุข ความเหงา หรือมีอะไรเข้ามาในชีวิตเขาบ้าง เราไม่รู้เลย
เวลาที่เรามีความสุข เขาทางโน้น จะมีความสุขเท่าเราหรือเปล่านะ
เวลาที่เรามีความเหงา เขาทางโน้น จะมีความเหงาเท่าเราหรือเปล่านะ
??? นี่คือคำถามที่เกิดขึ้นกับหัวใจ ???
เขาจึงโทรเข้ามาฝากเพลงนี้ให้คนปากเซฟังครับ ผมก็เปิดไป สงสัยไป เอ๊ะ.. คนที่ปากเซ เขาจะได้ยินเหรอ
แต่ไม่รู้ว่านี่คือปาฏิหารย์ หรือคืออะไร มีสายโทรศัพท์จากทางไกลโทรเข้ามาหาผม โอ๊วววพระเจ้า ไม่น่าเชื่อ มันคือสายที่โทรข้ามแม่น้ำโขงมา เขาคือ คนที่อยู่ปากเซครับ โทรเข้ามามอบเพลงนี้เช่นกัน ฝากให้คนรักของเขา ที่อยู่ประเทศไทย และกำลังฟังผมอยู่ ทึ่งมาก อึ้งไปเลย ( แอบอิจฉาเล็กน้อย ) และเขาก็โทรทางไกล มาขอเพลงผมทุกวัน วันละ 2-3 รอบ ผมก็เกิดความสงสัยเช่นกัน โห.. ค่าโทรจากลาวมาไทยเนี่ยะมันนาทีละเท่าไร ( อันนี้ไม่รู้จริงๆ ) เขาเล่าให้ผมฟังว่า คนรักที่อยู่ประเทศไทยเนี่ยะ ก็โทรไปขอเพลงให้เขาฟังที่ประเทศลาวด้วยเช่นกัน ว๊าววววววววววว ผมฟังไปยิ้มไปเลยงะ มีความสุขจัง ที่ได้เป็นสื่อกลางระหว่างความรักของเขาทั้งคู่ และอีกหลายๆคู่เลย.....


ในแต่ละค่ำคืน ดวงดาวแต่ละดวง ยังมีแสงสว่างเจิดจรัสที่ไม่เท่ากันเลย ประสาอะไรกับคนเรา มันจะมีความเหงาที่เท่ากันได้อย่างไร เหงามาก เหงาน้อย มันก็ขึ้นอยู่กับเหตุผลของแต่ละคน ที่ทำให้เกิดความเหงา แต่สิ่งที่ได้รับและมีเท่ากัน ก็คือ กำลังใจ แรงใจ จากคุณผู้ฟังทุกท่านที่ส่งเข้ามา และผมก็เก็บรวบรวมเอาไว้ ส่งคืนกลับไปถึงทุกท่านผ่านผลงานเพลงไงละครับ
.
.
DJ ภาคิน

ปล. อิอิ เพลงนี้ติดชาร์ทอันดับที่ 1 มา 2 สัปดาห์แล้ว รายงานล่าสุด 27 มกราคม 2553

ชีวิตคนกับเพลง ------- เติมฮักเติมแฮง ต่าย อรทัย

เพลง เติมฮักเติมแฮง
นักร้อง ต่าย อรทัย

ต่าย อรทัย - เติมฮักเติมแฮง.mp3

คู่รักคู่หนึ่ง ที่กลายเป็นแฟนกันได้ เพราะเริ่มต้นมาจาก การเป็นแฟนรายการ มอบเพลงให้กันและกัน ส่งกำลังใจให้กันและกันตลอด จนสุดท้าย เกิดความประทับใจ และก็ตกลงเป็นคนรักกัน
เป็นคู่รักที่น่าอิจฉา ใครๆที่เขาฟังอยู่ เวลาที่ทั้งคู่มอบเพลงให้กัน จะส่งแรงใจและคำหวานๆให้กันเสมอ แฟนรายการทุกคน ต่างก็รับรู้ถึงความรักของเขาทั้งคู่ จนได้ฉายาว่า คู่รักออนแอร์
และเพลงนี้ เติมฮักเติมแฮง จะเป็นเพลงที่เขามอบให้กันเสมอ เติมทั้งความรัก เติมทั้งแรงใจให้ตลอด และนอกจากนี้ เขาทั้งคู่ ยังเติมเงินค่าโทรศัพท์ให้กันและกันด้วย เพื่อที่จะได้โทรเข้ามามอบเพลงให้กัน *-*


ความรัก และกำลังใจนี่แหละ มันทำให้เรามีแรง ที่จะต่อสู้ และ มีแรงในการทำงาน ในการใช้ชีวิต
หมั่นเติมความรัก เติมแรงใจให้กันและกันนะครับ รถยนต์มันจะวิ่งได้ ยังต้องน้ำมัน ชีวิตคนก็เช่นกัน
อิอิ แต่ไม่ใช่เอาน้ำมันมาเติมให้กัน หรือเอาน้ำมันมากินนะครับ มันต้องใช้น้ำใจ กำลังใจ และความรัก
เติมต่างหาก มีหลายวิธีที่จะเติมเต็มให้กันและกัน และหนึ่งในวิธีนั้น
ก็คือ ผ่านกับผลงานเพลงครับ

DJ ภาคิน

ชีวิตคนกับเพลง ---------- เหตุผลของคนที่อ้ายฮัก อาร์ม สุริยัน



เพลง เหตุผลของคนที่อ้ายฮัก
นักร้อง อาร์ม สุริยัน

ความรัก บางครั้งมันไม่จำเป็นที่ต้องจบลง ด้วยการลงเอยด้วยดีเสมอไป บางครั้งมันก็จบลงด้วยการจากลา
คนเรามีหัวใจ มีความคิด มีความฝัน มีความต้องการเป็นของตัวเอง ต่างคนต่างก็มีจุดมุ่งหมาย และมีเหตุผลเป็นของตัวเองเช่นกัน
แต่เหตุผลของคนที่เรารัก บางครั้งเราเองก็ไม่อาจจะเข้าใจ และเขาก็ไม่อาจที่จะอธิบายเหตุผลของเขา ในการเดินแยกทางจากเราไป
ให้เรารู้ได้ อาจจะต้องใช้เวลา คงต้องมีสักวัน ที่เราจะรับรู้เหตุผลของเขาได้ โดยที่เขาไม่ต้องอธิบาย แต่ไม่ว่าเหตุผลในการจากไปของเขาจะเป็นด้วยเหตุใด ...
........ก็ยังรักเหมือนเดิม และตลอดไป ....... เพราะมันคือเหตุผลของคนที่อ้ายฮัก

โหลดไปฟังได้เลยครับ

http://www.ziddu.com/download/10580516/hedponkorngkonteearyhuk.mp3.html

นี่คือ ผลงานเพลง ที่แฟนรายการโทรขอเข้ามา ฝากเพลงนี้ให้ตัวเอง และคนรักที่จากไป โดยไม่รู้เลยว่า เธอจากไปด้วยเหตุใด
ไม่มีคำอธิบาย ไม่มีการบอกลา เธอหายไปเฉยๆ เหลือเพียงไว้ความทรงจำ และน้ำตาของคนที่รักเธอ และยังหวังไว้ ซักวัน เธอจะกลับมา


การที่คนเราจะทำอะไรลงไป มันมีเหตุผลของแต่ละคนกันทั้งนั้น แต่รู้มั้ยครับว่า เหตุผลบางอย่าง มันไม่สามารถอธิบายออกมาได้เลย
.
.
.
DJ ภาคิน

วันจันทร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2553

ชีวิตคนกับเพลง ---- แรงใจบ่ได้เห็นหน้า สิงหา วัชระ

เพลง แรงใจบ่ได้เห็นหน้า
นักร้อง สิงหา วัชระ

โหลดฟังเพลงนี้ http://www.4shared.com/file/126979862/bc0bd354/-_online.html
ที่ อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ คนส่วนใหญ่นอกจากที่จะทำนากันแล้ว อีกอาชีพหนึ่ง ที่มีคนทำมากพอสมควร นั่นคือการไปทำงานที่เมืองนอก บางคนไปนานหลายปี ไปตั้งแต่ภรรยาต้องได้ 3 เดือน จนคลอดลูกออกมาได้ 6 ขวบแล้ว ก็ยังไม่กลับเลย ส่งเพียงเงิน จดหมาย และโทรศัพท์คุยกันเท่านั้น ลูกได้คุยกับพ่อ ได้ยินเสียงพ่อ ได้เห็นหน้าพ่อที่รูปถ่าย รู้ว่าคนนี้แหละ พ่อเรา แต่ไม่เคยได้กอดพ่อเลย
ถึงแม้ว่า คนเราจะอยู่ห่างไกลกันแค่ไหน ระยะทางและเวลา ไม่ใช่ตัวการสำคัญที่ทำให้ความรัก ความคิดถึง ความห่วงใย ลดน้อยลงไปเลย เราสามารถที่จะส่งแรงใจให้กันและกันได้เสมอ มีหลายๆวิธีครับ ที่เราจะสามารถส่งแรงใจ กำลังใจให้กันและกันได้ และหนึ่งในวิธีนั้นก็คือ ส่งผ่านผลงานเพลงที่บอกได้ถึงความรู้สึก
ช่วงเย็น เวลาประมาณเกือบๆ6โมง มีสายโทรเข้ามา เป็นสายทางไกลจากประเทศอิสราเอล เขาคือแฟนรายการผมที่ไปทำงานในประเทศอิสราเอล โทรเข้ามาเพื่อให้ผมเป็นสื่อกลาง ระหว่างความคิดถึงของเขาและคนรัก บอกความคิดถึง ความรัก ผ่านผลงานเพลง "แรงใจบ่ได้เห็นหน้า" ส่งมอบให้คนรักของเขาที่กำลังฟังผมจัดรายการอยู่
เปิดเพลงจบได้สักครู่ ก็มีเสียงโทรศัพท์เข้ามา เป็นเสียงของผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งก็คือ คนรักของหนุ่มที่ไปทำงานในประเทศอิสราเอลนั่นเอง เธอโทรเข้ามาบอกผมว่า ได้ฟังเพลงและได้รับแรงใจที่ส่งมากับเพลงแล้ว ขอบคุณ และขอให้ผมเปิดเพลงนี้อีกครั้ง ในวันพรุ่งนี้ ช่วงเวลาเดิม เพราะเธอจะมอบเพลงนี้ให้คนรักของเธอเช่นกัน ให้คนรักของเธอได้รับฟังเพลงและได้รับแรงใจที่ส่งไปกับเพลง ผ่านทางโทรศัพท์ ที่เธอจะโทรไปหาคนรักของเธอในวันพรุ่งนี้

เรื่องราวของทั้งคู่ ได้เปิดเผยผ่านทางคลื่นวิทยุหลายต่อหลายครั้ง จนทำให้ มีคู่รัก คู่สามีภรรยา หลายคู่ ที่โทรมาส่งแรงใจให้กันและกัน ผ่านผลงานเพลง และเขาหรือเธอ ก็จะโทรศัพท์ไปหาคนรักของตัวเอง เพื่อให้ร่วมฟังเพลงพร้อมกันผ่านทางโทรศัพท์ ทั้งคู่ที่ต้องห่างกันเพราะไปทำงานเมืองนอก และคู่ที่ห่างกันเพราะไปทำงานต่างจังหวัด ไม่ว่าจะห่างกันแค่ไหน แรงใจส่งให้ได้เสมอครับ แม้จะไม่ได้เห็นหน้ากัน
แรงใจบ่ได้เห็นหน้า
.
..
DJ ภาคิน

วันอาทิตย์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2553

ชีวิตคนกับเพลง ----- เส้นทางคนพ่าย ต้า ชัยมงคล

เพลง เส้นทางคนพ่าย

นักร้อง ต้า ชัยมงคล


โหลดฟังเพลงนี้ http://www.4shared.com/file/110887476/efebdef6/__-_.html



มีเด็กผู้ชายคนหนึ่ง อายุยังไม่ถึง20เลย อยู่ในช่วงวัยรุ่น เรียนชั้น ปวช. ที่วิทยาลัยแห่งหนึ่ง

ในเขตพื้นที่ ที่ผมจัดรายการอยู่ เขาโทรมาขอเพลงด้วยน้ำเสียงที่ฟังแล้ว เศร้ามาก

เศร้าขนาดจนที่ว่า ผมต้องถามว่า ทำไมถึงอยากฟังเพลงนี้ เขาบอกว่า เพลงนี้ เป็นเพลงที่

โดนกับชีวิตของเขาที่สุดแล้ว ในตอนนี้ เขาต้องการฟัง และต้องการให้ผมคุยกับเขา ครั้งสุดท้าย


ผมก็เลยให้เขาโทรมาหาผมอีกครั้ง หลังจัดรายการเสร็จ เพราะผมจัดรายการถึง 1 ทุ่ม ซึ่งรายการ

ต่อไป เป็นการถ่ายทอดข่าว ผมจึงมีเวลาที่จะคุยกับเขา เขาเล่าให้ฟังว่า เขารักผู้หญิงคนหนึ่ง รักมากจนถึงที่สุด มากจนยอมทุ่มเทให้ได้ทุกสิ่ง จนวันหนึ่ง ผู้หญิงคนนั้น เขามาบอกว่าเขามีคนรักใหม่แล้ว และต้องการขอเลิก ทำให้เขาเสียใจมาก ในขณะที่คุยไป เขาก็ร้องไห้ไป และบ่นอยู่เสมอว่า อยากตาย ไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไป อยู่ไปก็เหมือนกับคนที่พ่ายแพ้ หมดสิ้นแล้วทุกอย่าง แม้แต่ลมหายใจ ก็กำลังจะหมดไป


ผมเข้าใจดี ว่าคนที่อกหักมันเป็นยังไง ประสบการณ์แบบนี้ผมก็ผ่านมาแล้ว ก็ได้บอกให้เขาหยุด และฟังในสิ่งที่ผมจะพูดก่อน ก่อนที่เขาจะตัดสินใจ ฆ่าตัวตาย


การอกหัก ไม่ใช่เรื่องที่แปลก มันเกิดขึ้นได้กับทุกคน ความรักเริ่มต้นที่หัวใจ และมันก็จบลงที่หัวใจเช่นกัน มันเลยทำให้เรารู้สึกเจ็บที่หัวใจ เจ็บจนไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไป แต่ก่อนที่คุณจะตายลงไปด้วยวิธีใดก็ตาม อยากให้คุณนึกถึงความรักที่พ่อแม่ คนรอบข้างที่มีให้คุณ มันมีความสุขแค่ไหน ก่อนที่จะมีผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาในชีวิตของคุณ ผมถามว่าคุณอยู่ได้มั้ย?? คุณอยู่ได้ แล้วทำไม ?? ก็แค่ผู้หญิงคนนั้น เขาเดินออกไปจากชีวิตของคุณ เขาไปแต่ตัว เขาไม่ได้เอาหัวใจ ลมหายใจ หรือชีวิตคุณไปเลย คุณก็ยังหายใจ ถ้าคุณตายไป เขาจะกลับมามั้ย? เขาจะเสียใจ มากกว่า หรือ เท่ากับ ความเสียใจของพ่อและแม่ของคุณมั้ย?

ไม่มีใครตายเพราะความรักหรอกนะ ที่เห็นตายๆกันน่ะ เพราะความโง่ของตัวเอง โง่ที่เห็นความรักคนอื่นสำคัญกว่าความรักของพ่อแม่ ครอบครัว โง่ที่ไม่รู้ว่าใครคือผู้ให้ชีวิต พ่อกับแม่ของเราครับ ไม่ใช่ผู้หญิงคนนั้น แล้วคุณจะตายเพื่อให้พ่อแม่คุณเสียใจเหรอ???


เด็กผู้ชายคนนั้นเงียบไป ได้ยินแต่เสียงฝนที่กำลังตกลงมา และเสียงสะอื้น ผมพยายามที่จะเรียกเขา ให้เขาตอบกลับผมมา สักพัก เขาก็ถามผมกลับมาว่า แล้วคนพ่ายอย่างผมจะเดินไปทางไหนได้บ้าง

คนพ่ายก็ไปได้ทุกทางนะแหละ ยกเว้น ทางเดิมที่มันยิ่งเดินยิ่งหลงทาง หยุด !! แล้วหันหลังกลับมาทางเดิมที่เคยเดินสิ ยังมีคนรอคอยคุณอยู่นะ เขาร้องไห้หนักกว่าเดิม แล้วก็วางสายไป...................


เวลาผ่านเกือบ 2 เดือน เขาโทรกลับมาอีกครั้ง ด้วยน้ำเสียงที่ฟังแล้วเหมือนคนมีรอยยิ้ม เขาบอกผมว่า เขาตายไปแล้ว และได้กลับมาเกิดใหม่แล้ว ขอบคุณผมที่ช่วยให้เขาหายโง่ ......


555555555+ จริงๆผมก็ไม่ได้ฉลาดอะไร ก็เคยโง่เหมือนกัน แต่ทุกคนไม่มีใครเกิดมาแล้วฉลาดเลยหรอกครับ ก็เริ่มต้นจากการโง่ทั้งนั้นแหละ ทุกอย่างมันมีจุดเริ่มต้นครับ ไม่มีสายเกินไป สำหรับการเริ่มต้นใหม่ .................

.

.

.

DJ ภาคิน